ครีมกันแดด

ถึงแม้แสงแดดจะมีคุณประโยชน์ที่หลากหลายต่อมนุษย์ แต่การได้รับ แสงแดด ในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจทำให้ผิวไหม้แดง เกิดฝ้า กระ และทำให้ผิวดูแก่กว่าวัย ไปจนถึงอาจเกิดโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งผิวหนัง การปกป้องแสงแดดจึงเป็นเรื่องจำเป็น และการใช้ครีมกันแดดก็เป็นทางเลือกยอดนิยมอย่างหนึ่ง หากก็ต้องเลือกและใช้ให้เหมาะสม เพื่อที่จะได้ประสิทธิภาพในการกันแดดอย่างเพียงพอ

Image

     ครีมกันแดด โดยทั่วไปมักจะบ่งบอกถึง SPF หรือ ประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดชนิด UVB แต่ที่ควรใส่ใจไม่แพ้กันก็คือค่าการปกป้องรังสี UVA ซึ่งมักจะบ่งบอกไว้ด้วยคำว่า PA หรือ PPD นอกจากนี้ ครีมกันแดดที่ดีควรมี Photostability หรือความคงทนต่อแสงของครีมกันแดด ซึ่งครีมกันแดดที่ไม่คงทนต่อแสงหรือสลายไปมากกว่า 25% หลังถูกแสงยูวี จะทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดลดน้อยลง

การเลือกครีมกันแดด

1. ผู้หญิงที่ต้องทำงานในอาคารและไม่ต้องโดนแสงแดดมากนัก สามารถทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 6 – 14 หรือไม่อาจจำเป็นต้องทาเลยก็ได้
2. ผู้หญิงที่จำเป็นต้องเดินทางนอกสถานที่และมีโอกาสโดนแสงแดดบ่อย ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF ระหว่าง 15 – 29
3. ผู้หญิงที่ไปเที่ยงกลางแจ้งหรือเที่ยวทะเล ควรหาทาครีมกันแดดที่มี SPF สูงๆ ทั้งนี้ อย.ของสหรัฐรับรองครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงสุดที่ SPF 50 เท่านั้น พวกค่า SPF 130 อะไรพวกนี้อาจจะถือว่าเกินจำเป็น

ปริมาณการใช้ที่เหมาะสมของครีมกันแดด

หากจะให้ได้ประสิทธิภาพตามที่กำหนด ก็ต้องใช้ปริมาณครีมราวหนึ่งช้อนชาต้อหนึ่งตารางเซนติเมตร หรือราวสองข้อนิ้วมือสำหรับการทาหน้าและคอ ซึ่งโดยทั่วไปคนเรามักทาน้อยกว่านั้น จึงแนะนำให้แบ่งทาครีมกันแดดสักสองรอบ โดยใช้ครีมแต่ละครั้งราวหนึ่งข้อนิ้วมือ และควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดดราว 15 นาทีเพื่อให้ครีมกันแดดยึดติดกับผิวได้ดีกว่า และถ้าต้องอยู่กลางแดดเป็นเวลานานๆ ก็ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุกสองชั่วโมง

 

ไทเทเนียมออกไซด์และซิงค์ออกไซด์ ที่เป็นส่วนผสมในสารกันแดด มีอันตรายหรือไม่

สารทั้ง 2 ชนิดถูกจัดอยู่ในประเภทปลอดภัย ทำหน้าที่สะท้อนรังสียูวีออกจากผิวหนัง โดยการเคลือบผิวหนัง และสามารถล้างออกได้โดยการล้างหน้าหรืออาบน้ำ อย่างไรก็ตาม อย.อนุญาตให้ใส่สารทั้ง 2 ชนิดได้ไม่เกิน 25 %